น้อยคนนักจะทราบที่มาของการคำนวณเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่เราใช้บริการอยู่ทุกวันนี้
หาค้นหาจากกูเกิ้ล ก็มักจะมีคำว่า “เบี้ยประกันรถยนต์ pantip”
ส่วนใหญ่ก็ตอเพียงว่าถูกหรือแพง แต่เพราะอะไรก็มักไม่มีคำตอบให้
ผมลองดูในเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ก็พอได้ข้อสรุปมาลองให้อ่านกัน (ยาวหน่อยครับ
แต่พยายามย่อให้จบในบทความเดียว)
ตัวกำหนดพิกัดราคาเบี้ยประกัน
การประเมินอัตราเบี้ยประกัน
เป็นผลมาจากการวิเคราะห์สถิติที่เกี่ยวข้องกันวินาศภัย
โดยวิเคราะห์ปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาและคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต
การวิเคราะห์ที่ว่านี้เป็นการวิเคราะห์ด้วยศาสตร์ที่เรียกว่า คณิตศาสตร์ประกันภัย (actuarial science)
องค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
พฤติกรรมคนใช้รถ
ราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เป็นผลมาจากพฤติกรรมการขับรถและการเคลมประกันในอดีตของคนรุ่นพ่อแม่เรา
และแน่นอนว่า ถ้าเราอยากให้อัตราเบี้ยประกันรถยนต์ในอนาคตถูกลง
มันก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนและความซื่อสัตย์ในการเคลมประกันของคนในรุ่นเรา
ๆ นี่แหละครับ
จำนวนเงินเอาประกันและมูลค่าตลาดของรถยนต์ที่เลือกซื้อรถ
แน่นอนว่าจำนวนเบี้ยประกันจะสูงขึ้นตามจำนวนเงินเอาประกัน
แต่ในจำนวนเงินเอาประกันที่เท่ากัน รถที่ไม่ใช่รถตลาดหรือรถระดับหรูจะมีอัตราเบี้ยประกันภัยสูงกว่ารถตลาดหรือรถระดับล่างและหาอู่ซ่อมได้ง่าย
ผู้ที่จะซื้อรถมือสองที่เป็นรถหรูแต่ราคาตกฮวบฮาบ (คุ้มค่าราคารถ) ก็อาจจะต้องทำใจกับเบี้ยประกันที่สูงขึ้นในขณะที่จำนวนเงินเอาประกันภัยจะต่ำตามมูลค่าตลาดของรถ
แหล่งข้อมูลอัตราเบี้ยประกันรถยนต์
ที่เว็บไซต์ของ คปภ.
จะมีไฟล์ที่อับเดทให้ดาวน์โหลดสำหรับดูอัตราเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละประเภทไว้
เราสามารถดาวน์โหลดมาศึกษาดูได้ (ภาพเว็บไซต์ ณ วันที่ 17/8/2556) โดยอัตราพิกัดนี้จะสอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยล่าสุดที่ประกาศใช้ (ณ วันเขียนบทความคือ พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2551) ไฟล์ที่ได้มันจะดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ สำหรับผู้ต้องการอธิบายแบบเป็นขั้น ๆ แนะนำอ่านตอน 2 ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น