ผมมักจะพบคำว่า “ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 pantip” ใน Google จนอดคิดไม่ได้ว่า ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นอีกแบรนด์หนึ่งก็เป็นได้
เนื้อที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นความเข้าใจผิดของใครหลายคนที่มักจะไปตั้งกระทู้
ตอบกระทู้ในเว็บบอร์ดเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 (แต่ถูกภาษาการตลาดเปลี่ยนเป็นประกันชั้น
1 ให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าเป็นประกันเหนือชั้น)
ก็เลยขอเอาคำนี้มาตั้งเป็นชื่อบทความ ไม่ได้มีเจตนาจะเข้าข้างบริษัทประกันภัยแต่อย่างใด
และผมเองก็ไม่ใช่คนขายประกันด้วย
สิ่งที่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ประเภท
1
(ประกันชั้น 1)
คนทั่วไปมักคิดว่า
ถ้าทำประกันภัยรถยนต์แล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว
ภาระทุกอย่างจะเป็นของบริษัทประกันภัย ทั้ง ๆ
ที่มันเป็นเรื่องระหว่างเรากับคู่กรณีโดยตรง (ซึ่งผมเคยยกตัวอย่างแบบขำ ๆ
ไว้ในเรื่อง “ประกันภัยรถยนต์ไม่ใช่เทพ”)
ส่วนบริษัทประกันภัยนั้นมีหน้าที่แบ่งเบาภาระเราตามสัญญาในกรมธรรม์ระหว่างเรากับบริษัทประกันภัย
ดังนั้น ถ้าบริษัทประกันภัยไม่ชดเชยคู่กรณีตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
มันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะไปคุยกับประกันของเราว่าทำไมไม่ทำตามสัญญา
ไม่ใช่ให้คู่กรณีไปไล่เบี้ยเอาเอง เหมือนเราเป็นเจ้าหนี้นาย A
แต่เราก็เป็นลูกหนี้นาย B ด้วย ถ้านาย B
มาทวงเงินเรา เราก็ต้องจ่าย ไม่ใช่ชิ่งให้นาย B ไปเอาเงินจากนาย A โดยอ้างว่าเราเป็นเจ้าหนี้เขา
ทำไมจึงเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรับผิดของประกันภัยรถยนต์ประเภท
1
(ประกันชั้น 1)
เอาแบบตรงไปตรงมา
หลัก ๆ คือ
1.
จิตสำนึกความรับผิดชอบของเราเอง
2.
การซิกแซกของเจ้าหน้าที่เคลมประกันที่หาทางช่วยลูกค้าตัวเองแบบผิด
ๆ (จนลูกค้าเข้าใจว่าถูกต้อง)
3.
เมื่อซื้อรถแบบผ่อน คนซื้อจะถูกบังคับให้ทำประกันภัยชั้น
1
เลยคิดว่ามัน Top สุด ๆ แล้วแต่ที่จริงที่มัน Top เพราะมันมีได้เท่านี้
แล้วจะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น
1
ไปทำไม
ความจริงมันมีอยู่ว่า
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 เป็นประกันภัยรถยนต์แบบสมัครใจทำ (นอกเหนือประกัน พรบ.
ที่กฎหมายบังคับให้ทำก่อนต่อทะเบียนรถยนต์แต่ละปี)
โดยกำหนดขอบเขตความคุ้มครองเบื้องต้นทั้ง 4 ด้าน คือ
1.
คุ้มครองตัวรถ (ของเราที่ทำประกันภัยให้)
กรณีเกิดอุบัติเหตุ
2.
คุ้มครองตัวรถ (ของเราที่ทำประกันภัยให้)
กรณีสูญหายหรือไฟไหม้
3.
คุ้มครองบุคคลที่ 3
(ไม่ว่าจะนั่งอยู่ในรถเราหรืออยู่นอกรถ)
4.
คุ้มครองตัวรถและทรัพย์สินของคนอื่น
(ที่เราขับรถของเราตามข้อ 1. ไปชนเขาเข้า)
ถ้าคิดแบบแค่ผิวเผินแล้ว
มันดูเหมือนว่ามันครอบจักรวาลแล้ว แต่จะมีน้อยคนที่จะเข้าใจ (หรือทำใจยอมรับ)
ว่ามันเป็นหลักเกณฑ์เบื้องต้นเท่านั้น มันยังมีเงื่อนไขปลีกย่อยอีกเยอะ เช่น
ใครเป็นฝ่ายผิด ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่
ตัวอย่างการไล่เบี้ยความรับผิดตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
(แม้จะชั้น 1 ก็ตาม)
เมื่อเกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้
จะมีสักกี่คนจะเข้าใจว่า การไล่เบี้ยของบริษัทประกันภัยก็จะต้องต้องสอดคล้องกับหลักกฎหมายด้วย
บางทีเราก็อาจจะถูกโกงแบบไม่รู้ตัว แต่บางครั้งเราก็ชอบคิดแบบเขาข้างตัวเอง
(โกงคนอื่น) ขอยกตัวอย่างกรณีคลาสสิค ได้แก่
1.
การคุ้มครองทรัพย์สินที่บรรทุกอยู่ในรถ:
ตอนเดินทางเราอาจจะมีสิ่งของติดรถไปด้วย สมมติว่า เราเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ติดไปกับรถด้วย
แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วคอมพิวเตอร์มันเสียหาย ใครจะรับผิดชอบกับความเสียหายของคอมพิวเตอร์นี้
a.
กรณีเราเป็นฝ่ายผิด เช่น
ขับรถไปชนรถคนอื่น
กรณีนี้บริษัทประกันภัยจะชดเชยค่าเสียต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกแน่ ๆ ดังนั้น
ถ้าในรถของคู่กรณีมีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในรถ และเมื่อเกิดเหตุ
เครื่องคอมพิวเตอร์ก็เสียหายด้วย
บริษัทประกันภัยฝ่ายเราจะชดใช้ค่าเสียหายของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคู่กรณีด้วย แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในรถเรานั้น
จะอยู่ไม่อยู่ในความรับผิดชอบของประกันภัยฝ่ายเราเลย
b.
ในทางกลับกันกรณีเราเป็นฝ่ายถูก
เบื้องต้นบริษัทประกันฝ่ายเราจะรับผิดชอบเฉพาะความเสียหายของตัวรถเท่านั้น (จากนั้นเขาจะไปตามเก็บจากคู่กรณีของเราภายหลัง)
แต่ถ้าทรัพย์สินอื่นที่บรรทุกเสียหาย เราต้องไปเรียกร้องจากคู่กรณีเอง
ก็ต้องดูอีกว่า คู่กรณีมีประกันภัยรถยนต์หรือไม่ ถ้ามีก็ต้องดูอีกว่าประกันภัยฝ่ายคู่กรณีเขาจำกัดความคุ้มครองไว้อย่างไรบ้าง
2.
กรณีไม่มีใบขับขี่แล้วเกิดอุบัติเหตุ
a.
กรณีเราเป็นฝ่ายผิดและมีใบขับขี่
ประกันจะรับผิดชอบทุกอย่างตามกรมธรรม์ แม้ว่าคู่กรณีจะไม่มีใบขับขี่ หรือรถคู่กรณีไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน
ก็ไม่เป็นเหตุให้เราพ้นผิด ส่วนคู่กรณีก็ถูกเปรียบเทียบปรับข้อหาไม่มีใบขับขี่หรือไม่ติดป้ายทะเบียนไป
(มันคนละส่วนกัน)
b.
กรณีเราเป็นฝ่ายผิดและไม่มีใบขับขี่
โดยพื้นฐานเบื้องต้นคือ ประกันจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดีอาจจะมีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมที่ต่างกันไปตามแต่โปรโมชั่น
โดยภาพรวมแล้วจะเห็นว่า
ไม่ใช่ทุกอย่างจะลงเอยไปที่บริษัทประกันภัยเสมอไป มันจะเป็นไปได้ในกรณีเดียวก็คือว่า
เราพบข้อสัญญาที่ว่า “เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว บริษัทประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 จะรับผิดชอบทุกอย่างเสมือนเป็นผู้ขับขี่ด้วยตนเอง”
แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะมีข้อนี้ครับ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ส่วนตัวเราเคยเคลมกับไดเร็คเอเชีย เราว่าเจ้านี้เค้าโอเคนะ ทำเรื่องให้เรียบร้อยเลย
ตอบลบ